6 สัญญาณเตือน อาการข้อเข่าเสื่อม
- ข้อเข่าเสื่อมมักพบในคนที่มีอายุเฉลี่ยตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เนื่องจากปัจจัยด้านฮอร์โมน แต่ปัจจุบันพบโรคข้อเข่าเสื่อมในคนที่อายุน้อยลง ซึ่งคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยได้
- ผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมจะมีอาการปวดในข้อเข่า ข้อเข่าติดหรือฝืดตึง มีเสียงดังในข้อเข่า มีจุดกดเจ็บบริเวณเข่า ข้อเข่าบวมผิดรูป ซึ่งในแต่ละคนอาการอาจจะแตกต่างกันไป
- การรักษา อาการข้อเข่าเสื่อม มีหลายวิธีซึ่งแพทย์จะประเมินระดับความรุนแรงของโรค แนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด โดยจะพิจารณาการรักษาแตกต่างกันเป็นรายบุคคล เช่น แนะนำการออกกำลังกาย การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเช่า การใช้ยา การทำกายภาพบำบัด หรือการผ่าตัด
โรคข้อเข่าเสื่อมนั้นเป็นรูปแบบของ “โรคข้ออักเสบ” ที่พบบ่อยมากที่สุด เนื่องจากข้อเข่าเป็นข้อต่อที่มีการใช้งานเยอะ และรองรับน้ำหนักของร่างกายโดยตรง โรคข้อเข่าเสื่อมเกิดจากภาวะที่กระดูกอ่อนผิวข้อเข่าเกิดอาการสึกหรอ ฉีกขาด และเสื่อมสภาพตามช่วงอายุและปัจจัยหลายๆ ด้าน เมื่อกระดูกอ่อนผิวข้อมีการสึกหรอมากขึ้น จึงก่อให้เกิดอาการปวดเข่าขึ้น และยังไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในข้อเข่าอีกด้วย ซึ่งหากปล่อยให้มีอาการรุนแรง ผิวข้อมีความเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ กระดูกข้อเข่าจะเสียดสีกันมากขึ้น ผู้ป่วยจะเจ็บในทุกจังหวะของการก้าวเดิน อีกทั้งข้อเข่าจะมีอาการติดแข็ง งอเหยียดได้ไม่สุด จึงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก
กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็น “โรคข้อเข่าเสื่อม”
โดยมากแล้ว จะพบผู้ป่วยที่มีข้อเข่าเสื่อมที่อายุเฉลี่ยตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เนื่องจากปัจจัยด้านฮอร์โมน กระดูก กล้ามเนื้อ ทั้งนี้ ปัจจุบันยังพบโรคข้อเข่าเสื่อมในคนที่อายุน้อยลงอีกด้วย ซึ่งคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยได้ เช่น กลุ่มคนที่เคยได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อต่อมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายหรืออุบัติเหตุที่ข้อเข่า กลุ่มที่รับประทานอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการมากๆ จนเกิดเป็นโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักตัวมากเกินไป ทำให้เข่าต้องรับน้ำหนักที่มากยิ่งขึ้น หรือมีโรคประจำตัวเป็นโรคไขข้ออักเสบ เช่น รูมาตอยด์ หรือ เกาท์ กลุ่มโรคเหล่านี้จะทำลายกระดูกอ่อนไปเรื่อย ๆ จนทำให้เกิดปวดบวมและติดแข็งของข้อเข่าในท้ายที่สุด
อาการของโรคข้อเข่าเสื่อม
โดยทั่วไปแล้ว อาการของโรคข้อเข่าเสื่อมมักจะค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างช้าๆ และความรุนแรงของโรคก็จะค่อยๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปด้วยเช่นกัน หากต้องการตรวจสอบดูว่าตัวเองมีอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมหรือไม่นั้น สามารถสังเกตสัญญาณของโรคข้อเข่าเสื่อมได้ดังต่อไปนี้
- ปวดเข่า – ผู้ป่วยมีอาการปวดบริเวณข้อเข่าเป็นๆ หายๆ มามากกว่า 6 เดือน หรือมีอาการปวดหลังจากที่ได้ทำกิจกรรมที่มีแรงกดต่อผิวข้อเข่าเยอะๆ หรือเดินไกลๆ เช่น ตอนนั่งยองๆ นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ ขึ้นลงบันได เดินท่องเที่ยว หรือตอนนั่งในรถที่แคบๆ แล้วต้องนั่งงอเข่าอยู่เป็นระยะเวลานานๆ หากเป็นข้อเข่าเสื่อมในระยะแรกๆ หลังทำกิจกรรมนั้นแล้ว อาการปวดจะอยู่ไม่นาน และจะหายไปได้เอง แต่หากเป็นระยะปานกลางขึ้นไปแล้ว อาการปวดจะเป็นต่อเนื่อง หากไม่ได้ใช้งานข้อเข่า เช่น ตอนนอน ตอนนั่งพัก ก็ยังมีอาการปวด และไม่สามารถหายเองได้ หรือหากหายก็ไม่หายขาด
- ข้อเข่าติด ฝืดตึง – สามารถสังเกตได้ตอนตื่นนอนว่า มีอาการฝืดตึง เข่าติด เคลื่อนไหวลำบากในตอนเช้า น้อยกว่าหรือเท่ากับ 30 นาทีหรือไม่ หรือหากไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายสักพักแล้วจึงกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง อาจมีอาการฝืดตึง รู้สึกว่าข้อต่อขาดความยืดหยุ่น หรือมีอาการข้อเข่าติดเมื่อทำการยืดเหยียดหรืองอเข่าจะรู้สึกทำได้ไม่สุด
- มีเสียงในข้อเข่า – มีเสียงดังกรอบแกรบในข้อเข่าในขณะที่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย มีการงอหรือเหยียดเข่า
- มีจุดกดเจ็บบริเวณข้อเข่า - เมื่อใช้มือกดตรงบริเวณข้อเข่า จะรู้สึกว่าเจ็บ
- ข้อเข่าผิดรูป – สังเกตได้ว่ากระดูกบริเวณรอบๆ ข้อเข่าจะมีลักษณะโตขึ้น อาจมีปุ่มกระดูกยื่นออกมา หรือมีข้อเข่าโก่งผิดรูปได้
- มีอาการบวม – บริเวณข้อเข่าจะมีอาการบวม เมื่อสัมผัสจะรู้สึกว่าเข่าอุ่น ซึ่งเกิดจากการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในข้อเข่า ทั้งนี้ อาการนี้จะเกิดขึ้นเมื่อข้อเข่าเสื่อมเข้าสู่ระยะปานกลางไปแล้ว
ข้อเข่าเสื่อม อาการที่ควรพบแพทย์
หากผู้ป่วยมีอาการข้างต้นเป็นๆ หายๆ มานานตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป และรับประทานยาแก้ปวดแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือจำเป็นต้องรับประทานยาแก้ปวดหรือแก้อักเสบอย่างต่อเนื่อง เพื่อระงับอาการปวด ควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อโดยเร็วก่อนที่จะมีอาการรุนแรง เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมที่สุด